1. What were the key factors behind Google’s early success?
Perfecting an innovative search engine นั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างเด่นชัดที่สุด สำหรับความสำเร็จของผู้ก่อตั้งกูเกิลในช่วงแรก การพลิกปัญหา Keyword spam บนเวปให้กลายมาเป็นโอกาส โดยการแก้ไขมัน ในขณะที่นักเรียนที่ Stanford นำไปสู่ชุดคำสั่งแบบเรียงตามลำดับหน้าที่มีชื่อเสียงของ Sergey Brin’s และ Larry’s แทนที่จะมานับจำนวนคำของ keywords เหมือนการหาข้อมูลแบบเก่าๆ พวกผู้ก่อตั้งได้คิดค้นการหาข้อมูลที่เขื่อถือได้ผ่านทางเวปไซต์ที่เชื่อมต่อกับหน้าเพจ หรือ ใช้การ votes เพื่อที่จะชั่งน้ำหนักของผลลัพธ์ที่มีความเกี่ยวโยงกัน
Google focusing on the user คือ กูเกิลใส่ใจผู้ใช้งาน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงดูดผู้คนในเริ่มแรก เนื่องจาก นอกจากการค้นหาใน White search page ที่ง่ายและเชื่อถือได้แล้ว ความแตกต่างของตัวโลโก้ที่มีสีสัน ไม่มีโฆษณาหรือ Editorial content (เนื้อหาความคิดเห็นจากบรรณาธิการ) อยู่บนหน้าเพจทำให้ค้นหาได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ Yahoo ยังไม่สามารถทำได้ นี่เป็นสิ่งที่ได้อธิบายไว้ในคำกล่าวครั้งแรกของกูเกิลว่า “ใส่ใจผู้ใช้งาน แล้วทุกอย่างจะตามมาเอง” ซึ่งพวกเข้าพูดถึงการเข้าไปใช้งานได้ง่าย และความเร็วในการโหลดหน้าเพจเป็นจุดสำคัญ
Google delivered search result people really wanted กูเกิลได้จัดหาผลลัพธ์ตามที่ผู้คนต้องการค้นหาจริงๆ ทำให้เกิดความเชื่อถือตามที่กูเกิลได้สัญญาว่าจะไม่ขายพื้นที่ในการค้นหาข้อมูลให้กับเหล่าโฆษณา และหันมาใส่ใจกับการค้นหาเพื่อนำส่งข้อมูลที่ผู้ใช้งานต้องการค้นหาจริงๆ ในขณะเดียวกันพวกลิ้งค์สปอนเซอร์ต่างๆก็ถูกเชื่อมโยงกับการค้นหาคำ keywords เพื่อที่เวลาผู้ใช้งานค้นหา จะได้รู้สึกว่าลิ้งค์สปอนเซอร์เหล่านี้ดูมีประโยชน์ หรืออย่างน้อยที่สุดผู้ใช้งานก็รู้สึกว่าถูกลิ้งค์สปอนเซอร์เหล่านี้ก้าวก่าย เหมือนกับพวกโฆษณา banner ต่างๆที่มาก้าวก่าย โดยลิ้งค์สปอนเซอร์จะเริ่มจากการพิมพ์ข้อความง่ายๆเพื่อสื่อว่าลิ้งค์เหล่านี้มันเบาจน จะไม่ทำให้การโหลดหน้าเพจของผู้ใช้งานช้าลงเลย แถมยังจะทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ในการค้นหาข้อมมูลที่ดีกว่าด้วย
Effectively monetizing paid search การค้นหาแบบจ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นตัวที่ทำให้กูเกิลประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างมาก กูเกิลเริ่มต้นทำการค้นหาแบบจ่ายเงินโดย นำ “ค่าใช้จ่ายต่อความพึงพอใจ” มาปรับใช้เป็นครั้งแรกในปี 1999 ซึ่งทำเงินได้โดยไม่คิดจากคลิกที่คนเข้าไปกด ad โฆษณา จากนั้นในปี 2002 กูเกิลได้ปรับเป็น “ค่าใช้จ่ายต่อการคลิ๊ก” เป็นโมเดลการใช้จ่ายที่เป็นที่นิยมมากของ Overture ด้วยการทำอัตราส่วนระหว่าง CPCตามจริง กับ CTR (click through rate) ที่คาดการณ์ไว้ เพื่อทำแน่ใจว่าผู้ใช้งานจะมองเห็น ads อยู่ใกล้ๆกับข้อมูลที่ผู้ใช้งานกำลังค้นหาอยู่ จากการที่ให้ในสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการ ทำให้กูเกิลนั้นสามารถทำกำไรได้สูงสุดโดยที่ไม่เกิดปัญหา CRC สูง แต่ CTR ต่ำเลย
Technology จากวิธีการเชิงสร้างสรรค์ในการจัดอันดับเพจ (page ranking) กูเกิลถือเป็นบริษัทที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างอาร์ดแวร์ สร้างเซริฟเวอร์ของตัวเองที่ซื้อส่วนประกอบมาจากโรงานผลิต หากอ้างอิงตาม Drummond นั้น กูเกิลจัดเป็นบริษัทที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้
Business model Innovation ด้วยวิธีที่ทำให้การโฆษณยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแนบเนียนนั้น กูเกิลไม่เพียงแต่ได้แหล่งรายได้ที่มีประสิทธิภาพ หากแต่กูเกิลยังสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งานได้ด้วย และนี่คือเป้าหมายของกูเกิลที่จะทำให้กลุ่มโฆษณาเป้าหมายมีความเชื่อมโยงและมีประโยชน์แกผู้ใช้งาน ในแง่ของการค้นหาผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับพวกมันเอง
Brand อ้างอิงจาก Drummond งานวิจัยทางยุโรปได้กำหนดให้ กูเกิลเป็นอันดับหนึ่ง ของแบรนด์ระดับโลกที่มีคนจดจำมากที่สุด นอกจากนี้กูเกิลก็ได้กลายมาเป็นคำกริยา (เช่น ชั้นอดใจรอกลับบ้านและไปกูเกิลดูเขาแทบไม่ไหว) ซึ่งทำให้บริษัทเจอความท้าทายที่จะต้องหาทางปกป้องจุดแข็งของสัญลักษณ์นี้ไว้ (Google)
Focus on the user experience การตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ของกูเกิลนั้นมาจากการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมตามประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นหลัก และดูรายได้หรือรายรับเป็นรอง ตามวิถีของกูเกิลนั้นเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่า ยิ่งตรงกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานมากเท่าไหร่ ยิ่งจะได้เงินเข้ามาง่ายมากเท่านั้น

ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาบริษัทเทคโนโลยีทีดีทุกบริษัท ใส่ใจอิทธิพลของลูกค้าที่สนใจในเทคโนโลยี พร้อมกับมีวิสัยทัศน์ในการสร้างรายได้ นี่ล่ะคือสูตรที่ลงตัวเป็นอย่างดี แม้ว่าแบรนด์ที่จะแพงมากในการดึงความสนใจจากลูกค้า ก็ยังต้องทำตาม product leadership นี้ การประสบความสำเร็จของกูเกิลไม่ได้เกิดขึ้นแบบทันทีทันใดหรือรวดเร็ว แต่เป็นการสร้างบริษัทที่ดีตามแบบดั้งเดิม คือดีต่อ discipline (ระเบียบวินัย) และมีโมเดลที่ดีให้ทำตามได้
Coordinated Leadership Group การประสานงานหรือทำงานกับกลุ่มที่เป็นผู้นำอย่างใกล้ชิดนั้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ Eric Flamholtz และ Yvinne Randle ใน “วัฒนธรรมองค์กร” กล่างถึง ผู้นำ 3 แบบ ของกูเกิล ในฐานะที่เป็นโมเลกุลผู้นำแบบคลาสสิค ที่เกิดจากผู้นำที่ทำงานได้ทั้งคนเดียวหรือเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ Page และ Brin ยังเป็นนักเรียนที่ Stanford ทั้งคู่ ในขณะที่พวกเขาก่อตั้งบริษัท และ Schmidt ได้เข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดในปี 2001
Commitment to cutting Edge กูเกิลได้ให้คำสัญญามาตลอดว่าจะให้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด ภายใต้บริบทของการค้นหาจ้อมมูลที่คลาสสิคขณะนี้นั้น คำสัญญานี้มีความหมายที่จะทำงานพื้นฐานใหม่ รวมถึงการสร้าง “universal search” การค้นหาระดับโลก และการค้นหาแบบ real time และการหาแบบสำเร็จรูป เพื่อทำให้กระบวนการค้นหาข้อมูลบนเวปนั้นเปิดเผยและสะดวกต่อผู้ใช้งานมากที่สุด กูเกิลแบบสำเร็จรูปได้มีการแนะนำการเขียนตัวอักษรทีละตัว ดังนั้นผู้ค้นหายังไม่ทันจะพิมพ์ข้อความเสร็จ ลิ้งค์ก็ขึ้นมาโชว์แล้ว
Wise Expansion กูเกิลนั้นได้จับตามองผู้เล่นหน้าใมห่ๆที่เข้ามาในธุรกิจ search-engine และการควบรวมกิจการต่างๆจากภายนอกเสมอ แต่ก็ยังอยู่ในพื้นที่ที่ยังเกี่ยงข้องการทำงานร่วมกันกับส่วนหลักๆอยู่ การขยายตัวช่วงแรกๆคือ การสร้างข่าวกูเกิล ในเดือนกันยายน ปี 2002 ซึ่งได้เสนอให้วิธีที่แสนสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งานในการเข้าถึงแหล่งข่าวกว่า 4000 แหล่ง ตัวอย่างแรกๆของการควบรวมกิจการโดยกูเกิลซึ่งได้รวมแบบเข้ากันได้ดีกับธุรกิจหลักของกูเกิล ก็คือ Keyhole Inc., บริษัทนี้ได้พัฒนา ‘Earth Viewer’ ขึ้นมา และขายให้กูเกิลในปี 2004 และตอนนี้ Keyhole’s Earth Viewer ได้กลายมาเป็น Google Earth หรือ Google Maps
Subtle Marketing สุดท้ายแล้ว กูเกิลก็ได้ปรับ การตลาด ของตัวเองให้กลายเป็น brand name ในลักษณะที่ไม่ได้เป็นการจัดประเภทเลย สถาบันของ “ Google doodle” เป็นตัวอย่างภายใต้รัศมีการทำการตลาดนี้ กูเกิลโฮมเพจมีคุณสมบัติในการทำตัวอักษรของกูเกิลให้แสดงสีสันได้อย่างง่ายๆ แต่ในวันหยุด หรือวันสำคัญ “ Google doodle” จะแก้ตัวอักษรใหม่ให้ตลกขึ้น และมันก็ทำให้ผู้คนให้ความสนใจกูเกิลมากขึ้น

2. Do you expect the search business to become more concentrated (i.e, dominated by fewer firms)? Is search a winner-take-all business
กลุ่มของเราตอบว่า ใช่ ธุรกิจการค้นหาข้อมูลอีกหน่อยจะเป็นที่จับตามอง และกูเกิลในฐานะที่เป็นผู้นำหลักที่เด่นชัดมากในธุรกิจประเภทนี้ และ Yahoo สามารถหวังที่เพิ่ม market share โดยการเสนอ เนื้อหาเกี่ยวกับบรรณาธิการ ที่ผู้ใช้งานบางคนอาจโกงเพื่อเข้าไปดูได้ แต่เซิร์ฟเวอร์ของเวปแบบใหม่นั้นฉลาดซับซ้อนมากและอนุญาตให้เข้าไปหาเนื้อหาในฐานข้อมูลดั้งเดิมได้ สไตล์การหาข้อมูลแบบเป็นประชาธิปไตยของกูเกิลนั้นได้รวมเอาดัชนีเวปเพจจำนวนมากเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงกับผู้ใช้งานมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่อายุน้อย ขนาดดัชนีนี้ชี้ให้เห็นถึงการนำของกูเกิลที่ต้องการทำให้ตลาดเข้าใกล้กับคำว่า เป็นไปไม่ได้ ให้มากที่สุด และในขณะเดียวกันการค้นหาเชิงสร้างสรรค์ก็ยังคงถูกมองว่าเป็น Cuil.com1 ซึ่งเกิดขึ้นในเดือน กรกฎาคม ปี 2009 และถูกอ้างว่าเป็นดัชนีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีทั้งหมด 120 sites จุดแตกต่างของ Cuil คือ คอนเซปที่ไม่ได้วางบนมาตรวัดความนิยมแบบผิวเผิน แต่ Cuil และ การจัดอันดับหน้าเพจนั้นวางอยู่บนพื้นฐานของเนื้อหาและสิ่งที่เกียวข้องมากกว่าความนิยมเพียงผิวเผิน

ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ให้ตัวเลือกและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ จนกระทั่งคุณสามารถหาหน้าเพจที่คุณต้องการได้ ด้วยวิธีการโชว์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมีรูปภาพประกอบกับผลลัพธ์ Cuil ได้อ้างถึงการเน้นการวิเคราะห์เนื้อหาของเวปมากกว่าการให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงหรือเนื้อหาที่มีคุณภาพแก่ผู้ใช้งาน โชคร้ายสำหรับ Cuil ที่การหาข้อมูลนั้นเต็มไปด้วยผลลัพธ์ที่ยังไม่เหมาะสมเพราะมีประเด็นทางเทคนิคต่างๆมากมาย การเข้าสู่ข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ (innovative interface) ส่วนใหญ่ มีลักษณะเฉพาะมีเอกลักษณ์และดูที่จะท้าทายผู้ใช้งานซึ่งเคยชินกับระบบง่ายๆอย่างกูเกิลมากเกินไป แลต่อมาก็มี Bing ที่ Microsoft เพิ่งปล่อยออกมา ซึ่งขณะนี้ได้เป็นที่ 3 ของส่วบแบ่งการตลาด ที่ 3.16% (กูเกิล 85%, Yahoo 6%) อะไรที่น่าจะสำคัญที่สุดสำหรับ Bing ก็คงจะเป็น การค้นหาข้อมูลที่เกียวข้องกับ Yahoo ซึ่ง Microsoft ได้อำนาจในการดูแลการค้นหาทั้งจาก yahoo และ Bing ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อเพิ่มคุณลักษณะของ “Powered by Bing” ในอนาคต และยกระดับ Bing และอะไรก็ตามที่ยังไม่มีโอกาสทำกับกูเกิล สำหรับ Yahoo นั้นหมายความว่า yahoo สามารถดูจุดแข็งของตัวเองในฐานะที่เป็นผู้ผลิต web media sites กับกูเกิลที่ขณะนี้มีส่วนแบ่งการตลาด 85% มันจึงด฿เหมือนว่าผู้ชนะก็มักจะได้ทุกอย่างหรือประสบความสำเร็จไปเสมอ กูเกิลเป็นผู้นำที่ใหญ่และมีทรัพยากรมากมายที่จะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆก็ได้ ดังนั้นจึงต้องใช้มากกว่าความคิดที่ดีในการจะล้มยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิล สิ่งที่จำเป็นก็คือ เทคโนโลยีที่ฉีกแนว ที่จะสามารถทำในสิ่งที่กูเกิลทำไม่ได้

3. in renewing its deal with AOL, could Google afford to pay AOL more than 100% of the revenue generated from AOL searches? How did Microsoft’s maximum affordable bid for AOL’s search traffic compare to Google’s
ได้อย่างแน่นอน กลยุทธ์ช่วงชิงความได้เปรียบเพื่อปกป้องรายได้จากการโฆษณานี้ ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำพาร์ทเนอร์กับทาง Microsoft พวกเขาก็ต้องออกจากตลาดไป
But, in our group opinion, Google has financial means to pay AOL more than 100% of the revenues generated by AOL’s searches, and the company should renew its deal with AOL because of all the advantages that bring this partnership to Google. Moreover Google should continue its deal with AOL in order to counter its competitor Microsoft. How did Microsoft's maximum affordable bid for AOL's search traffic compare to Google's? In 2009, because Microsoft felt threatened by Google’s growth, the company proposed a joint venture to AOL in which the two companies (Microsoft and AOL) could develop together search-related advertising.

Google: 5% stake in AOL, 85-90% Revenue split, 300m ad Credit
 Google blocks the move by Microsoft (Strategic move)
 AOL provides communications channel to Google
 AOL had 17.7 million subscribers nationwide in 2005.
 MS lower search volume than Google, cannot necessarily pay the same share of ad revenue

4. In addition to enhancing its core search business, should Google also branch out into new areas? Which of the following would you recommend?
1) Building a full-fledged portal like Yahoo!’s
2) Targeting Microsoft’s desktop software hegemony; and/or
3) Becoming an e-commerce intermediary like eBay?
สำหรับกูเกิล พวกเขาได้ทดลองค้นคว้าเกี่ยวกับระบบซอฟแวร์ออนไลน์ต่างๆ ที่จะผลักดันให้เข้ามาเยี่ยมชมไซต์ของพวกเขาและให้โอกาสแก่ลิ้งค์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ผู้ใช้งานหมายมั่นจะสร้าง เช่น Gmail และ Google Groups โดยการให้บริการเวปจัดหาทุนโฆษณา กูเกิลสามารถแก้ไขความขัดแย้ง ความแตกต่างเชิงรากฐานของโมเดลทางธุรกิจของกูเกิลได้ สามารถสร้างรายได้จากผู้ใช้งานที่คลิ๊กลิ้งค์สปอนเซอร์ในการค้นหาผลลัพธ์แล้วออกจากกูเกิล ในอีกทางหนึ่งกูเกิลต้องการให้ผู้คนออกจากกูเกิล ด้วยวิธีการจัดหาโฆษณาที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการค้นหาผลลัพธ์ของผู้ใช้งานมากที่สุดมาจัดไว้ให้เลย แล้วเวลาที่เหลือบนคอมพิวเตอร์เมื่อผู้ใช้ไม่ได้ทำการค้นหาล่ะ? ด้วยวิธีการย้ายผู้คนออนไลน์ไปใช้เครื่องมือการสร้างผลผลิตและการสื่อสารของกูเกิล พวกมันสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆในการทำรายได้ของโฆษณาได้อย่างมหาศาล ด้วยวิธีการตรวจเนื้อหาของเมลล์ของผู้ใช้งาน เอกสารและสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องทำ กูเกิลก็สามารถเพิ่มความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับประเภทของการบริการหรือประเภทของผลิตภัณฑ์ที่นักโฆษณาได้เสนอ ซึ่งเป็นตัวที่ผู้ใช้งานอาจสนใจด้วย
ในขณะเดียวกัน การแก้ไขปัญหาการเพิ่มขึ้นของขอบเขตธุรกิขของกูเกิลนี้ การเปิดขอบเขตอื่นๆสามารถค่อยๆเข้าสู่สิ่งที่ไม่ได้สอดคล้องกับพันธกิจในการก่อตั้งองค์กรเลย พันธกิจนั้นคือ “การจัดการข้อมูลของโลกและทำให้มันเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึง” ในบางครั้ง การนำผู้คนไปยังบริการของกูเกิลเองมากกว่าการสร้างไซต์ให้เห็นได้ง่ายนั้น มีผลให้กูเกิลสามารถลดความเป็นประชาธิปไตยในเวปลงไปได้ หรือคล้ายๆกับที่ Yahoo ได้ทำ โดยการสร้างทิศทางเนื้อหาเกี่ยวกับบรรณาธิการเพื่อที่จะรักษาผู้ใช้งานไว้มากกว่าการส่งพวกเขาออกไปหาเวปไซต์หรือบลอคที่เกี่ยวข้องกันเอง ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ใช้งานที่มีความต้องการบริการต่างๆของกูเกิลเป็นจำนวนมาก เช่น Gmail, ปฏิทิน, custom homepage, Google Docs, ไซต์, Wave และ Picassa ฉันขอพูดตรงๆเลยว่าฉันเคยรู้สึกดีกับสิ่งที่ให้มาเพิ่มเติมเหล่านี้ และภาพรวมของการบูรณาการรวมทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกันนั้น ทำให้ฉันทำงานได้มากขึ้นและให้ข้อมูลฉันได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้น ฉันก็ใส่ใจน้อยมากกับลิงค์สปอนเซอร์ที่มีอยู่ในบริการเหล่านี้ ซึ่งบอกฉันได้ว่าลิง้ค์เนื้อหาใน Google apps มี CTR ต่ำกว่า ผลลัพธ์จากการค้นหามาก กูเกิลจึงต้องคิดให้มากเกี่ยวกับทั้งการเพิ่มรายได้โฆษณาให้มากที่สุดและการให้ประสบการณ์ที่มีประโยชน์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยน วิธีการใช้คอมพิวเตอร์และมือถือของผู้คนเลยทีเดียว และฉันก็คิดว่าในฐานะที่กูเกิลได้เติบโตมากขึ้น กูเกิลก็ควรต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการเสียสละอุดมการณ์ที่มีเอกลักษณ์ของตนเองไปเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการเข้าควบคุมเวปและการทำลายคู่แข่งที่เป็นผู้นำด้าน innovation ด้วยการแทนที่ MS office ซึ่งเป็นโมเดลซอฟแวร์ที่ล้าสมัย พวกมันช่วยนำทางไปยังยุคที่มีการใช้คอมพิวเตอร์ทั่วทุกหนทุกแห่ง ในขณะเดียวกันพวกมันก็ถือเป็นธุรกิจและเป็นขีดการแข่งขันและมีความสามารถในการเบียดนวัตกรรมใหม่ๆอันอื่นก่อนที่มันจะสว่างสดใสได้

5. Do you review Google’s distinctive governance structure, corporate culture, and organizational processes as strength or potential limitations?
มันเป็นที่ถกเถียงอย่างหนักว่า โครงสร้างธรรมาภิบาลที่แตกต่างกันของกูเกิล วัฒนธรรมองค์กร และกระบวนการขององค์กรนั้นเป็นจุดแข็งที่ดีขององค์กร โดยปกติทั่วไป นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่กูเกิลคิดค้นออกมา ระบบการจัดการ วัฒนธรรมและกระบวนการต่างๆของกูเกิลนั้นได้ถูกจัดให้เหมาะสมกับการผลิตไอเดียดีๆใหม่ๆที่จะตามมา โมเดลมีเดียอาจเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะเปรียบเทียบให้เห็น เพราะพวกมันทั้งวางอยู่บนพื้นฐานของวิสัยทัศน์เชิงสร้างสรรค์และมีความสามารถ วัฒนธรรมองค์กรเชิงสร้างสรรค์นั้นดีเลิศสำหรับการดึงดูดความคิดดีๆ และ Googleplex ก็เป็นการคิดค้น เป็นสนามทดลองที่ดีสำหรับการคิดค้นสิ่งใหม่ๆที่น่าอัศจรรย์ให้กับกูเกิล กระบวนการในองค์กรอนุญาตให้พนักงานทั้งหมดใช้เวลาทำงาน 20% เข้ากับสไตล์การทำงานเป็นทีมเล็กๆ ที่จะเป็นหนทางที่ดีสำหรับการสร้างต้นแบบนั้นๆ ถ้าหากการค้นพบคุณค่าสามารถพัฒนาจากต้นสายไปยังปลายสายได้อย่างเต็มที่ ข้อจำกัดเดียวที่ฉันเห็นคือ ความเป็นไปได้ของ อีโก้ ที่จะมีส่วนต่อทำงานที่ดีและขนาดขององค์กร ที่ท้ายสุดแล้วจะทำให้ทั้งพนักงานและลูกค้าออกจากองค์กรไป นี่สามารถเป็นความท้าทายในการสร้างแบรนด์ของกูเกิลในอนาคตอันใกล้ว่า กูเกิลจะรับมือกับการเติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ได้อย่างไร