Free Essay

Mba Bkk

In:

Submitted By boycp2009
Words 471
Pages 2
เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา 1. ความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา 1. ความหมายของจิตวิทยา กู๊ด (Good. ๑๙๕๙) ให้ความหมายว่า จิตวิทยาเป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการปรับตัวของอินทรีย์หรือสิ่งมีชีวิตให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ฮิลการ์ด (Hilgard. ๑๙๕๙) ให้ความหมายว่า จิตวิทยา หมายถึง ศาสตร์ที่ศึกษาถึงพฤติกรรมของมนุษย์และสัตว์ จิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่มุ่งศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์ การศึกษานี้เป็นการเรียนรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณลักษณะต่างๆ ของแต่ละบุคคล ซึ่งมีบางสิ่งบางอย่างแตกต่างกัน บางอย่างสอดคล้องกัน บางอย่างคล้ายกันและบางอย่างเหมือนกัน การเพ่งประเด็นเกี่ยวกับมนุษย์นั้น ส่วนใหญ่มักจะมุ่งไปที่การวิเคราะห์พฤติกรรมตามสภาพการณ์ของแต่ละบริบท เพราะพฤติกรรมเป็นผลที่เกิดขึ้นของมนุษย์ในลักษณะต่างๆ อยู่ตลอดเวลา และมีอิทธิพลต่อชีวิตของตนเองและสังคมอย่างเป็นระบบเพื่อความเข้าใจเบื้องต้นจะได้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมในประเด็นต่างๆ ตามลำดับ 2. ความหมายของพฤติกรรม คำว่าพฤติกรรม (Behavior) นั้นนักวิชาการได้ให้ความหมายไว้หลากหลายดังเช่น สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต (๒๕๔๓) ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับพฤติกรรมได้ให้ความหมายพฤติกรรม ว่าหมายถึง สิ่งที่บุคคลกระทำ แสดงออกมา ตอบสนอง หรือโต้ตอบต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งสภาพการณ์ใดสภาพการณ์หนึ่งโดยที่ผู้อื่นสามารถสังเกตได้ ราชบัณฑิตยสถาน (๒๕๔๖) ได้นิยามความหมายของพฤติกรรมไว้ว่า เป็นการกระทำหรืออาการที่แสดงออกทางกล้ามเนื้อ ความคิด และความรู้สึกเพื่อตอบสนองสิ่งเร้า Weiten (๒๐๐๒) ได้กล่าวถึงพฤติกรรมว่าหมายถึง การแสดงออกหรือกิจกรรม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องของระบบร่างกาย ส่วน Dennis (๒๐๐๑) ได้กล่าวถึงพฤติกรรมว่าหมายถึง การกระทำต่างๆ ของมนุษย์ เช่น การกิน การหลับ การพูดคุยหรือการจาม แม้กระทั่งการฝัน โดยปกติมนุษย์เราจะให้ความสนใจพฤติกรรมที่สังเกตได้ชัดเจน แต่นักจิตวิทยาจะศึกษาทั้งพฤติกรรมที่สังเกตได้และพฤติกรรมที่ต้องสันนิษฐาน เช่น ความคิดความจำ อารมณ์ที่แสดงออกในสถานการณ์ต่างๆ และ Gerrig & Zimbardo (๒๐๐๕) กล่าวว่า พฤติกรรม หมายถึง การที่บุคคลสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองไปตามสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในลักษณะการกระทำแบบต่างๆ สรุป พฤติกรรม คือ การตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบกับบุคคลทั้งภายในและภายนอกโดยการตอบสนองนั้นอาจจะสามารถสังเกตได้โดยตรงหรือไม่ก็ได้ การแสดงออกนั้นอาจเกิดขึ้นในช่วงที่เรามีสติรู้สึกตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ ล้วนจัดเป็นพฤติกรรมทั้งสิ้น 3. ลักษณะของพฤติกรรม พฤติกรรม (behavior) หมายถึง การกระทำกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ทั้งที่สามารถสังเกตได้และที่สังเกตไม่ได้ โดยใช้เครื่องมือวัด โดยทางอ้อม ทั้งที่รู้สึกตัวและไม่รู้สึกตัว ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น ๒ ประเภท คือ 1. พฤติกรรมภายนอก (external behavior) หมายถึง พฤติกรรมที่เราสามารถสังเกตได้ด้วยตาหรือใช้เครื่องมือวัด แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทย่อยๆ คือ 1.1 พฤติกรรมโมลาร์(Molar Behavior) หมายถึง พฤติกรรมที่สามารถสังเกตได้โดยตรง ผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น การพูด การเล่นดนตรี การเล่นกีฬา การเดิน เป็นต้น 1.2 พฤติกรรมชนิดโมเลกุล(Molecular Behavior)หมายถึง พฤติกรรมที่ไม่สามารถสังเกตได้ด้วยประสาทสัมผัสโดยตรง ต้องอาศัยเครื่องมือต่างๆในการสังเกต เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ การทางานของคลื่นสมอง การไหลเวียนของโลหิต เป็นต้น 2. พฤติกรรมภายใน (internal behavior) หมายถึงพฤติกรรมที่ไม่สามารถสังเกตได้โดยตรง และไม่สามารถใช้เครื่องมือวัดได้ ได้แก่ พฤติกรรมที่เป็นความในใจ ความรู้สึกนึกคิด ความกลัว ความโกรธต่างๆ ซึ่งเราสามารถสันนิษฐานได้จากพฤติกรรมภายนอก แต่บางครั้งก็ไม่สามารถสรุปแน่นอนได้ เจ้าตัวเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร ดังนั้นการสรุปพฤติกรรมภายในเป็นสิ่งที่ควรระวังให้มากเพราะอาจผิดพลาดได้ เพื่อสะดวกในการศึกษาเราอาจแบ่งพฤติกรรมภายในได้ ดังนี้ 2.1 พฤติกรรมที่เป็นความรู้สึกที่เกิดจากสิ่งเร้ามากระทบกับประสาทสัมผัส เช่น การที่ได้ยิน การได้เห็น การได้กลิ่น การได้รู้รส การได้สัมผัส เป็นต้น 2.2 พฤติกรรมที่เป็นการตีความ เมื่อสิ่งเร้ามากระทบประสาทสัมผัสจะเกิดความรู้สึก และการที่จะทราบว่าอะไรเกิดขึ้นนั้นต้องอาศัยการตีความเข้าช่วย ดังนั้นการรับรู้จึงเป็นกระบวนการที่เกิดจากการรู้สึกและการตีความ หากไม่สามารถตีความ การรับรู้ก็ไม่สมบูรณ์ เช่น เขาพูดภาษาอังกฤษเราตีความไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร หมายความว่าอย่างไร เป็นต้น 2.3 พฤติกรรมที่เป็นการคิดและการตัดสินใจ ซึ่งการคิดในที่นี้ หมายถึง การจินตนาการ การคิด และการตัดสินใจเป็นหัวใจในการบงการให้มนุษย์แสดงพฤติกรรมภายนอกมาในรูปต่างๆ กัน ในขณะเดียวกันการคิดและการตัดสินใจย่อมขึ้นอยู่กับการรับรู้และการจำด้วย 2. ความรู้เกี่ยวกับการบริหาร 1. ความหมายของการบริหาร Peter F. Druker ให้ความหมายว่า การบริหารคือการทำให้งานต่าง ๆ ลุล่วงไปโดยอาศัยคนอื่นเป็นผู้ทำ Terry ให้ความหมายว่า การบริหารเป็นกระบวนการที่ประกอบด้วยการวางแผน การจัดองค์การ การกระตุ้น และการควบคุม ซึ่งจะนำไปสู่การพิจารณา จัดการกับบุคคล และทรัพยากรให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ McFarland ให้ความหมายว่า การบริหารเป็นกระบวนการบูรณาการขั้นพื้นฐานในการจัดกิจกรรมขององค์การที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ Dejon ให้ความหมายว่า การบริหารเป็นกระบวนที่จะทำให้วัตถุประสงค์ประสบความสำเร็จโดยผ่านทางบุคคลและการใช้ทรัพยากรอื่น กระบวนการดังกล่าวรวมถึงองค์ประกอบของการบริหารอันได้แก่ การกำหนดวัตถุประสงค์ การวางแผน การจัดองค์การ การกำหนดนโยบายการบริหาร และการควบคุม Dale ให้ความหมายว่า การบริหารหมายถึงการวางแผน การจัดองค์การ การบริหารบุคคล การอำนวยการ การควบคุมนวัตกรรม และการเป็นตัวแทน Hersey,Blanchard and Johnson 2001 ให้ความหมายว่า การบริหารเป็นกระบวนการทำงานพร้อมกับบุคคลและกลุ่มบุคคล สรุป การบริหารคือ การปฏิบัติอย่างเป็นระบบ โดยมีการวางแผน กำหนดวัตถุประสงค์ การจัดการ การดำเนินงานตามแผนและมีระบบควบคุมดูแลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรนั้น ๆ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงยึดบริบทขององค์การทั้งด้านทรัพยากร และบุคลากรในองค์การที่มีอยู่ 2.2 กระบวนการบริหาร กระบวนการบริหาร มีความหมายเดียวกับภารกิจหรือบทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร เป็นสิ่งที่ต้องยึดถือเป็นจุดยืนสำหรับปฏิบัติกิจกรรมในการบริหารงาน ซึ่งเป็นลำดับขั้นในการบริหารงาน หรือ หมายถึงขอบข่ายของงานต่าง ๆ ที่อยู่ในหน้าที่ความรับผิดชอบของนักบริหาร (สมบูรณ์ พรรณาภพ, 2521, หน้า 79; ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์, 2535, หน้า 29) เนตร์พัณณา ยาวิราช (2546, หน้า 2-3) สมยศ นาวีการ (2525, หน้า 11) กล่าวถึงหน้าที่การจัดการ (The Management Process: Management Functions) ประกอบด้วยการจัดการดังนี้ 1. การวางแผน (Planning) หมายถึง การเลือกวิธีการทำงานเพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายขององค์การ และกำหนดว่าจะทำงานนั้นอย่างไร 2. การจัดองค์การ (Organization) หมายถึง การนำเอาแผนงานที่กำหนดไว้มากำหนดหน้าที่สำหรับบุคลากรหรือกลุ่มบุคคลที่จะปฏิบัติภายในองค์การ เป็นการเริ่มต้นของกลไกในการนำเอาแผนงานไปสู่การปฏิบัติ 3. การนำ (Leading) เกี่ยวข้องกับการจูงใจ ภาวะผู้นำ และการสื่อสารระหว่างบุคคลในองค์การเพื่อช่วยให้องค์การบรรลุวัตถุประสงค์ตามต้องการ 4. การควบคุม (Controlling) หมายถึง หน้าที่ทางการจัดการสำหรับผู้บริหารในการรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้เป็นมาตรฐานวัดผลการทำงานในองค์การ รวมทั้งการวัดผลการทำงานในปัจจุบันเพื่อกำหนดมาตรฐานขึ้น และเปรียบเทียบกับผลงานที่ทำได้เพื่อปรับปรุงแก้ไขผลการทำงานได้สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนดขึ้น 2.3 คุณสมบัติของผู้บริหาร 2.3.1. การเป็นผู้รู้จักตนเอง(Self realization) • รู้ถึงความต้องการแห่งตน • รู้ถึงวิธีการสร้างเป้าหมายแห่งตน ไม่ว่าในชีวิตส่วนตัว หรืองาน • รู้ถึงขีดความสามารถแห่งตน ที่จะกระทำการใดๆ ได้เพียงใด • รู้ถึงวิธีการควบคุมตนเอง การมีวินัยในการใช้ชีวิต และการทำงาน • รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อตน และการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนั้น • รู้ว่าตนจะต้องลงทุนอะไร เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งต้องการ • รู้สึกได้ถึงความสุข ความทุกข์ ที่สัมผัสได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีผู้ไดมาชี้นำ • ยอมรับความจริงได้ทุกอย่าง ไม่หลอกตัวเอง 2.3.2. การเป็นผู้รู้จักการวิเคราะห์หาเหตุและผล (Analytical Mind) • มองทุกสิ่งที่ปรากฏต่อหน้า(Appearance)อย่างลึกซึ้ง คิดถึงที่ไป ที่มา ไม่ใช่แค่ที่เห็น • มองทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลึกถึงเหตุปัจจัย (Cause) และสามารถคาดคะเนผลที่เกิดตามมา (Consequence) ในปัจจุบัน และในอนาคตได้ • เป็นผู้ที่ตั้งคำถามตลอดเวลา "ใคร(Who)? ทำอะไร(What)? ที่ไหน(Where)? เมื่อไร(When)? ทำไม(Why) อย่างไร(HOW)? " (5-W 1H) • เข้าใจถึง หลักการ "อริยสัจ" ของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างดี • เป็นผู้ที่ช่างสังเกต ให้ความสนใจในรายละเอียดเพื่อเก็บมาเป็นข้อมูล • มองพฤติกรรมบุคคล (Person) เหตุการณ์ (Event) สามารถโยงถึง หลักการ (Principle) ได้ และ ใช้หลักการ (Principle) สร้างวิธีการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา และป้องกันปัญหา เพื่อให้เกิดเหตุการณ์ (Event) ที่ต้องการ และ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคคล (Person) ให้อยู่ภายไต้การควบคุมได้ 2.3.3. การเป็นผู้เรียนรู้ตลอดกาล (Life Long Learning) • มีความรู้สึกว่าตนไม่รู้อะไรอีกมาก และตระหนักถึงความเป็นผู้ใฝ่รู้ตลอดเวลา • เข้าใจดีกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ทำให้สิ่งที่เคยรู้เมื่อวันวานอาจไม่ใช่ในวันนี้อีกต่อไป • มองเห็น สิ่งของ ผู้คน เหตุการณ์ เป็นสื่อสอนตนได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดี หรือสิ่งเลว และสามารถเลือกเก็บมาจดจำ และหยิบออกมาใช้ได้อย่าง เหมาะสม • ใฝ่ค้นหา ติดตาม ความรู้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับวิชาชีพ และการดำรงชีวิต • มุ่งเรียนรู้อย่างลึกซึ้งและจริงจังให้เป็นผู้รู้และเข้าใจในแต่ละเรื่องอย่างแท้จริง • สามารถนำองค์ความรู้ที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง ถูกเวลา และเหมาะสม • การเรียนรู้มี 2 อย่าง เรียนรู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้และเรียนรู้สิ่งที่เรารู้ให้รู้มากขึ้น • นักปราชญ์บอกไว้ว่า ความรู้ที่แท้จริง คือการ "รู้ว่าเรารู้อะไร" และ "รู้ว่าเราไม่รู้อะไร" เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้น ให้ค้นหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ • กระบวนการเรียนรู้ของบุคคล เริ่มจาก ความปรารถนาของตน (Personal Vision) ถูกตั้งไว้ และกำหนดเป็นเป้าหมายในขั้นตอนของชีวิต เรียนรู้รูปแบบ ความคิดแห่งตนและผู้อื่น (Mental Model) อย่างเข้าใจให้ความสำคัญกับ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน (Shared vision) อย่างเปิดใจกว้าง และรับฟังร่วมแรงร่วมใจทำงานเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จร่วมกัน (Team Llearning)รู้จักการคิดเชิงระบบ (System thinking) มีทักษะการวิเคราะห์ มองเหตุผล และมองเห็น คาดการณ์ ผลลัพธ์ในอนาคตได้ และสามารถสังเคราะห์กระบวนการที่สามารถนำไป สู่ความสำเร็จที่ต้องการ ได้ • ความรู้ดังกล่าวของบุคคลในกลุ่มที่อยู่ร่วมกัน สามารถ นำไปสู่ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) และสังคมแห่งการเรียนรู้ (Learning Society) ได้ในที่สุด อันเป็น สิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสังคมโลกยุคใหม่ (New Society) ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง รวดเร็ว และไม่สิ้นสุด 2.3.4. ความเข้าใจในจิตวิทยาการบริหาร ในการบริหารงาน คงจะไม่ผิดนักหากจะพูดว่าพูด "คือการบริหารคน" นั่นเอง เพราะ คน เป็นผู้กำหนด วิธีการหรือระบบ (System) การได้มาและการบริหาร การใช้ไปของทรัพยากร (Resource Management) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และผลสำเร็จของงาน การที่จะบริการคนซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ มีอารมณ์ และการแสดงออกที่ซับซ้อน ไม่ตรงไปตรงมา และมักมี "เป้าหมายซ่อนเร้นแห่งตน (Hidden Agenda)" อยู่ภายในเสมอ ทำให้การบริหารยาก และไม่อาจ กำหนดผลลัพธ์ อย่างตรงไปตรงมา ได้ ผู้นำที่เข้าใจจิตใจ ของมนุษย์ หากสามารถวิเคราะห์ผลกระทบของเหตุการณ์ต่อจิตใจของคนได้ ก็จะสามารถคาดเดา พฤติกรรม แสดงออกของคนคนนั้นได้ไม่อยาก และสามารถที่จะสร้างสถานการณ์รองรับไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกัน ผลเสียหายจากปฏิกริยาตอบโต้ของคนได้ 2.3.5. การเป็นคนดี "Good Person" คนเก่ง และคนดีเป็นของคู่กัน แต่บางครั้งไม่ไปด้วยกัน "คนเก่ง" สร้างได้ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งแก่เฒ่า โดยการเรียนรู้ทุ่มเท แต่ "คนดี" สร้างได้ยากกว่า นักจนบางครั้งก็สร้างไม่ได้เลย คนเรามีการพัฒนา Super ego ซึ่งได้แก่ มโนธรรม และอุดมคติแห่งตนในช่วงวัยเด็ก 5-10 ขวบ จากนั้นสิ่งที่ได้รับ มาจะกลายเป็น โครงสร้างพฤติกรรม ของคนๆ นั้น(Frame of Reference)เขาจะใช้มัน ปรับให้เข้า กับสิ่งแวดล้อม ที่สัมผัสโดยใช้ กระบวนการ ที่ซับซอ้นมากขึ้น การเป็นคนดีจะต้องมี การพัฒนาส่วนของ Super ego ของคนๆนั้น มาแล้ว เป็นอย่างดีโดย พ่อแม่ครูอาจารย์ ในช่วงปฐมวัย เมื่อเติบใหญ่ จะเป็นคนที่สามารถ ปรับสมดุล ในตนเองให้ได้ระหว่าง "กิเลส" จาก จิตเบื้องต่ำขับเคลื่อน ด้วย สัญชาติญาณแห่ง ความต้องการ ที่รุนแรงที่ไม่ต้องการเงื่อนไขและข้อจำกัดไดๆ กับ "มโนธรรม" ที่ขับเคลื่อนด้วย ความปารถนา ในอุดมคติแห่งตนที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขและข้อจำกัดคนดี ควรมีคุณสมบัติดังนี้ มีความรู้ ไหวพริบ เฉลียวฉลาด (IQ= Intelligence Quatient) รู้แจ้งถึงความดีความชั่ว รู้ที่จะเอาตัวรอด จากเล่ห์อุบายของตัณหา คนชั่ว และนำพาตนเองและผู้คนให้เห็นแจ้งในทางที่ดีควร ประพฤติปฏิบัติได้ มีความอดกลั้น สติตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งยั่วยุ (EQ= Emotional Quatient) จนตกอยู่ในห้วง"กิเลส" คือ โลภะ โทษะ และโมหะ และเกิดปัญญาในการแก้ไข สร้างสรรค์ และเล็งเห็น ผลเลิศในระยะยาวได้ มีความอดทน มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค (AQ= Adversity Quatient) พร้อมที่จะเสียสละแรงกาย เพื่อให้ได้มาซึ่งอุดมคติแห่งตน และความดีที่ยึดมั่น ไม่หวั่นไหว ต่อคงามลำบากและอุปสรรคไดๆ ไม่เป็นผู้ยึดติดกับสิ่งไดสิ่งหนึ่งจนเกินพอดี(VQ= Void Quatient)รู้ที่จะ ปรับเปลี่ยน ตนเอง ตลอดเวลาให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ที่มี การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอย่างเหมาะสม
เป็นผู้มีศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม (MQ= Moral Quatient) มีสำนึกของ "ความผิดชอบชั่วดี" มีความละอายใจต่อบาป ไม่ประพฤติชั่ว มุ่งทำแต่ความดี มีจิตใจที่ผ่องใส

Similar Documents

Premium Essay

Eassy on Organisational Commitment

...Four Letter Code OAKB PAED PANC PACD PAFA PASY LATI DAUA DAAG DABB DABC DAUE DAUG DAUH DAUI DAOO DAAT DAUZ FNLU SAEZ SAVC SACO SAZM FHAW YPAD YBAS YMAV YBBN YBCS YSCB YBCG YPDN YPKA YPTN YMEK YMML YBMA YSNF YPEA YPPH YPPD YBRK YSSY YBTL LOWI LOWK LOWL Three Letter Code KBL ANC TIA ALG AAE CZL GHA ORN LAD EZE CRD COR MDQ ADL ASP BNE CNS CBR DRW KTR MEL ISA NLK PER PHE SYD TSV KLU LNZ City Name KABUL ANCHORAGE ELMENDORF ANCHORAGE INTL COLD BAY FAIRBANKS SHEYMA TIRANA ADRAR ALGIERS ANNABA CONSTANTINE EL GOLEA GHARDAIA HASSI MESSAOUD IN SALAH ORAN TAMANRASSET ZARAZAITINE LUANDA BUENOS AIRES COMODORO RIVADAVIA CORDOBA MAR DE PLATA ASCENSION ADELAIDE ALICE SPRINGS AVALON BRISBANE CAIRNS CANBERRA COOLANGATTA DARWIN KARRATHA KATHERINE MEEKATHARRA MELBOURNE MOUNT ISA NORFOLK ISLAND PEARCE PERTH PORT HEDLAND ROCKHAMPTON SYDNEY TOWNSVILLE INNSBRUCK KLAGENFURT LINZ Airport Name KABUL ELMENDORF ANCHORAGE INTL COLD BAY FAIRBANKS INTL SHEYMA RINAS TOUAT HOUARI BOUMEDIENNE EL MELLAH AIN-EL-BEY EL GOLEA GHARDAIA OUED IRARA IN SALAH ES SENIA TAMANRASSET IN AMENAS LUANDA EZEIZA COMODORO RIVADAVIA CORDOBA MAR DE PLATA WIDEAWAKE ADELAIDE INTL. ALICE SPRINGS AVALON BRISBANE CAIRNS CANBERRA COOLANGATTA DARWIN INTL. DAMPIER TINDAL MEEKATHARRA MELBOURNE INTL. MOUNT ISA NORFOLK ISLAND PEARCE PERTH INTL. PORT HEDLAND ROCKHAMPTON KINGFORD SMITH TOWNSVILLE INNSBRUCK KLAGENFURT LINZ Country AFGHANISTAN ALASKA ALASKA ALASKA ALASKA ALASKA ALBANIA ALGERIA ALGERIA ALGERIA ALGERIA ALGERIA ALGERIA...

Words: 9232 - Pages: 37

Free Essay

Bangkok Nightlife

...ACCOMMODATION DURING HOLIDAYS 1.1 Medium & long-term residents 1.1.1 Grand President 1.1.2 Centrepoint Serviced Apartments 1.2 Short time hotels 1.2.1 Playboy Hotel (PB Hotel) 1.2.2 Penthouse Hotel 1.2.3 Asoke Place 1.2.4 Street 1 lodge (Sukhumvit Soi 1) 1.2.5 Dynasty Inn. 1.3 Major Hotels 1.3.1 JW Marriott 1.3.2 Sheraton Grande Sukhumvit 1.3.3 Landmark Hotel 1.4 Others 1.4.1 Rembrandt Hotel 1.4.2 Nana Hotel 1.4.3 Manhattan Hotel MASSAGE PARLORS 2.1 Thai Traditional Massage (TTM) 2.2 Soapy massage 2.2.1 First Class MPs 2.2.2 Option 2 2.2.3 Option 3 2.2.4 Others 2.2.5 Remarks on models and sideliners 2.2.6 Remarks on a sandwich service 2.2.7 Remarks on youth and services provided 2.2.8 MP girls saying NO to a certain customer 2.3 Eden Club vs. Darlings? 2.4 Pattaya MPs 2.5 Oil Massage 2.5.1 Barons Barber Shop 2.5.2 Euro Inn PUBS AND BEER BARS 3 Pubs and beer bars 3.1 Sukhumvit Rd. 3.2 Patpong No. 1 4 Specialty bars and karaoke JOINTS 4.1 Counter 1 and 2 4.2 Star of Lights 4.3 Lolitas 4.4 EDEN Club 5 Dance Clubs 5.1 CM2 5.2 La Lunar 5.3 Bed 5.4 Club Orbit 6 Go-go clubs 6.1 Patpong 6.2 Thaniya Plaza 6.3 Nana Plaza 6.4 Soi Cowboy 6.5 How to avoid the pushy GGgirls? MEMBER Clubs and KTVs/PR Clubs 7 MEMBER Clubs and KTVs/PR Clubs 7.1 Exotica 7.2 Piano 7.3 Club 487 7.4 Chateau Blanc 7.5 Spice Club 7.6 The Club 7.7 FAQs on member clubs 8 Freelancers 8.1 Siam Hotel 8.2 Grace Hotel 8.3 How to behave with a freelancer? 9 Transportation 9.1 The useful BTS Skytrain 9.2 Taxi from...

Words: 57417 - Pages: 230

Premium Essay

Air Asia Report

...AirAsia Berhad (284669-W) 25-5, Block H, Jalan PJU 1/37, Dataran Prima, 47301 Petaling Jaya, Selangor Darul Ehsan, Malaysia Tel : (603) 78809318 Fax : (603) 78806318 E-mail : investorrelations@airasia.com Website : www.airasia.com CONTENTS AirAsia Berhad | annual report 2007 Our Dreams and Aspirations To be the largest low cost airline in Asia serving the 3 billion people who currently are underserved with poor connectivity and high fares. G G 2 4 7 8 12 20 22 24 26 30 32 34 36 40 42 43 44 46 47 48 52 53 54 56 60 62 66 68 72 76 81 82 83 152 156 157 G Our Dreams and Aspirations Corporate Profile Five Year Financial Highlights Share Performance Chairman’s Statement Group Chief Executive Officer’s Report AirAsia’s Strategy for Success Route Network Safety Product Development Go Holiday The Sky is Your Limit Champion of Low Fares AirAsia Roars Into Formula One One AirAsia Our People, Our Pride Investing In Our Future Major Milestones Serving You Better from Our 2nd LCC Terminal Awards & Accolades AirAsia Cares AirAsia Group Corporate Information Board of Directors Directors’ Profile Senior Management Senior Management Profile Managing Risk to Maximise Returns AirAsia Financial Snapshots Statement on Corporate Governance Audit Committee Report Statement on Internal Control Additional Compliance Information Financial Statement Analysis of Shareholdings List of Properties Held Notice of Annual General Meeting Proxy Form To be the best company to work for where employees...

Words: 22238 - Pages: 89

Free Essay

There Once Was a Young Wild Pony

...a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z aa ab ac ad ae af ag ah ai aj ak al am an ao ap aq ar as at au av aw ax ay az ba bb bc bd be bf bg bh bi bj bk bl bm bn bo bp bq br bs bt bu bv bw bx by bz ca cb cc cd ce cf cg ch ci cj ck cl cm cn co cp cq cr cs ct cu cv cw cx cy cz da db dc dd de df dg dh di dj dk dl dm dn do dp dq dr ds dt du dv dw dx dy dz ea eb ec ed ee ef eg eh ei ej ek el em en eo ep eq er es et eu ev ew ex ey ez fa fb fc fd fe ff fg fh fi fj fk fl fm fn fo fp fq fr fs ft fu fv fw fx fy fz ga gb gc gd ge gf gg gh gi gj gk gl gm gn go gp gq gr gs gt gu gv gw gx gy gz ha hb hc hd he hf hg hh hi hj hk hl hm hn ho hp hq hr hs ht hu hv hw hx hy hz ia ib ic id ie if ig ih ii ij ik il im in io ip iq ir is it iu iv iw ix iy iz ja jb jc jd je jf jg jh ji jj jk jl jm jn jo jp jq jr js jt ju jv jw jx jy jz ka kb kc kd ke kf kg kh ki kj kk kl km kn ko kp kq kr ks kt ku kv kw kx ky kz la lb lc ld le lf lg lh li lj lk ll lm ln lo lp lq lr ls lt lu lv lw lx ly lz ma mb mc md me mf mg mh mi mj mk ml mm mn mo mp mq mr ms mt mu mv mw mx my mz na nb nc nd ne nf ng nh ni nj nk nl nm nn no np nq nr ns nt nu nv nw nx ny nz oa ob oc od oe of og oh oi oj ok ol om on oo op oq or os ot ou ov ow ox oy oz pa pb pc pd pe pf pg ph pi pj pk pl pm pn po pp pq pr ps pt pu pv pw px py pz qa qb qc qd qe qf qg qh qi qj qk ql qm qn qo qp qq qr qs qt qu qv qw qx qy qz ra rb rc rd re rf rg rh ri rj rk rl rm rn ro rp rq rr rs rt ru rv rw rx ry rz sa sb sc sd se sf sg sh si sj sk sl sm sn so...

Words: 29642 - Pages: 119