เฉลยแบบฝีกหัดครั้งที่ 1

ข้อ 1. (ก) ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นในปริมาณเสนอซื้อเพราะค่าโดยสารลดลง จากรูปแสดงว่าเกิดการเคลื่อนย้ายจากจุด A ไปยังจุด B บนเส้นอุปสงค์เส้นเดียวกัน (move along the demand curve)

(ข) ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นในระดับอุปทาน เพราะผู้ผลิตจะผลิตส้มเขียวหวานออกมามากขึ้น จากรูปแสดงว่าเกิดการเคลื่อนย้าย(shift)ของเส้นอุปทานไปทางขวามือทั้งเส้น จากเส้น S1 เป็นเส้น S2

(ค) ทำให้เกิดการลดลงในระดับอุปทาน เพราะราคาข้าวสาลีอยู่ในระดับต่ำ เกษตรกรจึงชะลอการเก็บเกี่ยว ทำให้ผลผลิตข้าวสาลีที่เสนอขายในตลาดลดลง
จากรูป แสดงว่าเกิดการเคลื่อนย้าย(shift)ของเส้นอุปทานไปทางซ้ายมือทั้งเส้น
จากเส้น S1 เป็นเส้น S2

(ง) ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นในระดับอุปสงค์สำหรับเหล้าไทย Black Cat เพราะราคาของเหล้าต่างประเทศ(ซึ่งเป็นสินค้าทดแทน)สูงขึ้น จากรูปแสดงว่าเกิดการเคลื่อนย้าย(shift)ของเส้นอุปสงค์ไปทางขวามือทั้งเส้น จากเส้น D1 เป็นเส้น D2

(จ) ทำให้เกิดการลดลงในระดับอุปทานเพราะผู้จำหน่ายยางรถยนต์ไม่สามารถผลักภาระไปให้ผู้ซื้อยางรถได้มากนัก ทำให้ผู้จำหน่ายยางรถยนต์ลดจำนวนยางรถยนต์ที่ขายในตลาด จากรูป แสดงว่าเกิดการเคลื่อนย้าย(shift)ของเส้นอุปทานไปทางซ้ายมือทั้งเส้น
จากเส้น S1 เป็นเส้น S2

ข้อ 2. (ก) รายได้ของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของเส้นอุปสงค์ไปทั้งเส้นจากเส้น D1 เป็นเส้น D2 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจุดดุลยภาพจากจุด E1 เป็นจุด E2 ราคาดุลยภาพและปริมาณดุลยภาพเพิ่มขึ้น ดังรูป

(ข) ทำให้ความต้องการ VCR ลดลงเพราะสินค้าที่ใช้ร่วมกัน (คือ เทปวิดีโอ) มีปริมาณการผลิตลดลง และราคาของเทปวิดีโอลิขสิทธิ์มีราคาสูง ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของเส้นอุปสงค์ไปทางซ้ายมือทั้งเส้นจากเส้น D1 เป็นเส้น D2 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจุดดุลยภาพจากจุด E1 เป็นจุด E2 ราคาดุลยภาพและปริมาณดุลยภาพลดลง ดังรูป (ค) ทำให้ความต้องการซื้อ VCR ลดลง เพราะเครื่องเล่น VCR และโรงภาพยนตร์เป็นสิ่งที่สามารถทดแทนกันได้ ผู้บริโภคจะหันไปดูภาพยนตร์มากขึ้น มีผลทำให้เกิดการลดลงในระดับอุปสงค์ นั่นคือ เส้นอุปสงค์สำหรับเครื่อง VCR จะเคลื่อนย้าย(shift)ไปทางซ้ายมือจากเส้น D1 เป็นเส้น D2 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจุดดุลยภาพจากจุด E1 เป็นจุด E2 ราคาดุลยภาพและปริมาณดุลยภาพลดลง ดังรูป

(ง) ทำให้ผู้ผลิตเสนอขายสินค้ามากขึ้น มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับอุปทาน เส้นอุปทานของเครื่อง VCR เคลื่อนย้าย(shift)ไปทางขวามือจากเส้น S1 เป็นเส้น S2 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจุดดุลยภาพจากจุด E1 เป็นจุด E2 ราคาดุลยภาพลดลงแต่ปริมาณดุลยภาพเพิ่มขึ้นดังรูป

(จ) มีผลทำให้ปริมาณการเสนอซื้อเครื่อง VCR ลดลง เพราะ เครื่อง VCR และเทปวิดีโอเป็นสินค้าที่ต้องใช้ร่วมกัน ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของเส้นอุปสงค์ไปทางซ้ายมือทั้งเส้นจากเส้น D1 เป็นเส้น D2 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจุดดุลยภาพจากจุด E1 เป็นจุด E2 ราคาดุลยภาพและปริมาณดุลยภาพลดลง ดังรูป

(ฉ) มีผลทำให้ผู้บริโภครีบซื้อเครื่อง VCR ในปัจจุบันเพราะเกรงว่าในอนาคตราคาจะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นในระดับอุปสงค์ เกิดการเคลื่อนย้ายของเส้นอุปสงค์ไปทางขวามือทั้งเส้นจากเส้น D1 เป็นเส้น D2 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจุดดุลยภาพจากจุด E1 เป็นจุด E2 ราคาดุลยภาพและปริมาณดุลยภาพเพิ่มขึ้น ดังรูป

ข้อ 3. (ก) ราคาดุลยภาพ คือ 40 บาท/กล่อง และปริมาณดุลยภาพคือ 75 ล้านกล่อง (ข) ถ้าราคาส้มเขียวหวานเท่ากับ 60 บาท จะทำให้เกิดภาวะสินค้าล้นตลาด(excess supply) จำนวน 100 ล้านกล่อง (ค) ถ้ารัฐบาลเข้ามาควบคุมราคาส้มเขียวหวานไว้ที่ 30 บาท/กล่อง ทำให้เกิดภาวะส้มเขียวหวานขาดตลาด(excess demand)จำนวน 50 ล้านกล่อง (ง) ถ้าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 20 บาท/กล่อง จะมีการนำเข้าส้มเขียวหวานจำนวน 100 ล้านกล่องเพราะส้มเขียวหวานในประเทศมีวางขายเพียง 25 ล้านกล่องในขณะที่ความต้องการมีมากถึง 125 ล้านกล่อง

ข้อ 4. (ก). คำนวณหาค่าความยืดหยุ่นไขว้แบบช่วง ได้ดังนี้

EC =

=

= + 1.345

จากค่าความยืดหยุ่นไขว้ที่ได้ แสดงว่า สินค้าของทั้งสองบริษัทเป็นสินค้าที่ใช้ทดแทนกันได้อย่างดี (ข)

ณ ราคาสินค้าเท่ากับ 25 บาท/ด้าม บริษัทไทยฟ้าขายสินค้าได้จำนวน 8,000 ด้าม ( ซึ่งขณะนั้นราคาของแปรงฟันของคู่แข่งเท่ากับ 35 บาท/ด้าม) ต่อมาเมื่อราคาแปรงฟันของคู่แข่งลดลงเหลือเพียง 30 บาท/ด้าม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับอุปสงค์สำหรับแปรงฟันของบริษัทไทยฟ้า เส้นอุปสงค์เคลื่อนย้ายไปทางซ้ายจากเส้น D1 เป็นเส้น D2 เพื่อให้ได้ยอดขายเท่าเดิม บริษัทไทยฟ้าจะต้องลดราคาลงมาเท่ากับ P1 คำนวณหาค่า P1 จากค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาแบบช่วงได้ดังนี้ EP =

-1.5 =

-1.5 =

P1 = 21.78

บริษัทไทยฟ้าควรลดราคาแปรงฟันของตนลงมาเท่ากับ 21.78 บาท/ด้ามจึงจะมียอดขายเท่าเดิม ค. เมื่อราคาแปรงฟันของบริษัทรุ่งกิจเท่ากับ 35 บาท รายได้รวมของบริษัทไทยฟ้าเท่ากับ 8,000 คูณด้วย 25 บาท = 200,000 บาท เมื่อราคาแปรงฟันของบริษัทรุ่งกิจเท่ากับ 30 บาท รายได้รวมของบริษัทไทยฟ้าเท่ากับ 6,500 คูณด้วย 25 บาท = 162,500 บาท

ข้อ 5. จากสูตร ความยืดหยุ่นไขว้แบบช่วง

EC =

2 =

2 =

2 =

% การเปลี่ยนแปลงในปริมาณซื้อ = - 0.36 การเปลี่ยนแปลงในปริมาณซื้อลดลง = 36.4% การที่ราคาของหมูหยองลดลงจาก 300 บาท/ก.ก. เป็น 250 บาท/ก.ก ทำให้รายรับที่ได้จากการขายหมูแผ่นลดลง 36.4 เปอร์เซ็นต์

ข้อ 6. สินค้าทุกชนิด เป็นสินค้าปกติ (normal goods) เพราะค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อรายได้มีค่าเป็น บวก(+) และเป็นสินค้าจำเป็น( ยกเว้น เสื้อผ้าและรองเท้า)โดยเฉพาะนมสดเป็นสินค้าที่จำเป็นที่สุดเพราะค่าความยืดหยุ่นมีค่าน้อยที่สุด คือ 0.24 ในขณะที่ เสื้อผ้าและรองเท้า เป็นสินค้าปกติ แต่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเพราะค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อรายได้มีค่ามากกว่า 1 (นั่นคือ 1.72)

ข้อ 7. (ก) ถ้านาย ก. ต้องการได้รับรายได้รวมเพิ่มขึ้น นาย ก. ควรลดราคาสินค้าลงมาเพราะสินค้าทุกชนิดมีค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคามากกว่า 1 (ข) เนสกาแฟ มอคโคน่า ชาเนสที เป็นสินค้าปกติเพราะค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อรายได้มีค่าเป็นบวก ส่วนมะตูมผง เป็นสินค้า inferior เพราะค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อรายได้มีค่าเป็นลบ ( - 0.85) (ค) เนสกาแฟ กับมอคโคน่า เป็นสินค้าที่ทดแทนกันได้ดีเพราะค่าความยืดหยุ่นไขว้มีค่าเป็นบวกและมากกว่า 1 เนสกาแฟ กับ ชาเนสที เป็นสินค้าที่ทดแทนกันได้ แต่ไม่ดีเท่ากาแฟมอคโคน่า เพราะค่าความยืดหยุ่นไขว้มีค่าเป็นบวก และมากกว่า 1 แต่มีค่าน้อยกว่าระหว่างเนสกาแฟและมอคโคน่า มะตูมผง กับ เนสกาแฟ กาแฟมอคโคน่า เป็นสินค้าที่ทดแทนกันได้น้อยมากเพราะแม้ว่าค่าความยืดหยุ่นไขว้จะมีค่าเป็นบวก แต่มีค่าน้อยมาก มะตูมผง กับ ชาเนสที เป็นสินค้าที่ทดแทนกันกันได้พอสมควรเพราะค่าความยืดหยุ่นไขว้มีค่าเป็นบวกและน้อยกว่า 1

8. a. QD = 18,000 + 0.4(15,000) – 350(50) + 90 (55) = 11,450

b. QD = 18,000 + 0.4(15,000) – 350(50) + 90 (50) = 11,000

c. QD = 18,000 + 0.4(10,500) – 350(50) + 90 (55) = 9,650
9. a. การที่ราคาทีวี ในญี่ปุ่นสูงขึ้น 4% และดอลลาร์เสื่อมค่าลง 5% ทำให้ราคาทีวีนำเข้าในสหรัฐสูงขึ้น 9% จาก 300 เป็น 375 = 300 + (12) + (15) b. เนื่องจากความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาเท่ากับ –1.5 การที่ราคาทีวีในสหรัฐเพิ่มขึ้น 9% ทำให้ปริมาณซื้อทีวีนำเข้าลดลง = (1.5) (0.09) = 0.135 หรือ 13.5% c. เนื่องจากรายได้ของผู้บริโภคในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3% และความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อรายได้เท่ากับ 2 ทำให้ปริมาณซื้อเพิ่มขึ้นเท่ากับ (2) (3) = 6% d. การที่ทั้งราคาทีวีเพิ่มขึ้น 9% และรายได้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3% มีผลทำให้ปริมาณซื้อทีวีในสหรัฐลดลงเท่ากับ 7.5% = ( - 13.5%) + ( +6%)

-----------------------
ราคา

Q1ปริมาณ

0

A

B

0

ปริมาณ

ราคา

S1

S2

Q2ปริมาณ

ปริมาณ

S1

S2

0

ปริมาณ

ราคา

ปริมาณ

ราคา

D1

D2

ปริมาณ

ราคา

S1

S2

0

ปริมาณ

ราคา

D2

S

0

D1

D2

D1

S

ปริมาณ

ราคา

0

E2

E1

E1

E2

E2

E1

D2

D1

P2

ปริมาณ

ราคา

0

P1

Q1

Q2

ปริมาณ

ราคา

S2

S1

0

D

E1

E2

P1

P2

Q2

Q1

E2

E1

D2

D1

S

ปริมาณ

ราคา

0

E1

E2

D1

D2

S

ปริมาณ

ราคา

0

QA1 – QA2 PB1 + PB2 PB1 - PB2 QA1 + QA2

X

8,000 – 6,500 35 + 30 35 – 30 8,000 + 6,500

X

25

8,000

6,500

P1

D1

D2

A

B

Q1 – Q2 P1 + P2 P1 - P2 Q1 + Q2

X

6,500 – 8,000 25 + P1 25 - P1 6,500 + 8,000

X

-1,500 25 + P1 25 - P1 14,500

X

% การเปลี่ยนแปลงในปริมาณซื้อสินค้า ก.
% การเปลี่ยนแปลงในราคาสินค้า ข.

% การเปลี่ยนแปลงในปริมาณซื้อสินค้า ก.
250 – 300
(250 + 300 )
2

% การเปลี่ยนแปลงในปริมาณซื้อสินค้า ก.
( - 50) / 275

% การเปลี่ยนแปลงในปริมาณซื้อสินค้า ก.
- 0.182

ปริมาณ

ราคา

60

30

40

S

D

75