1. บทสรุปผู้บริหาร

1.1 ภาพรวมธุรกิจ โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาด 350 เตียง เป็นบริษัทจดทะเบียนร่วมทุนระหว่างกลุ่มแพทย์ในจังหวัดเชียงใหม

่ และกลุ่มแพทย์จากโรงพยาบาลรามคำแหงกรุงเทพฯ โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 400 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้นกว่า 400 ราย เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2536 โรงพยาบาลถูกออกแบบให้มีรูปลักษณ์ของความทันสมัย ทั้งตัวอาคารและเครื่องมือแพทย์ เทียบเคียงกันกับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในระดับตติยภูมิ มีบุคลากรประจำทั้งสิ้น 768 คน แพทย์ประจำ 48 คน แพทย์ไม่เต็มเวลา 109 คน แพทย์ที่ปรึกษาประมาณ 200 คน ผู้เข้ารับบริการ 85% เป็นประชากรในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดในภาคเหนือ อีก15%เป็นประชากรจากที่อื่นๆในประเทศไทยรวมทั้งชาวต่างประเทศที่เข้า

มาท่องเที่ยวและพักพิงในจังหวัดเชียงใหม่ โดยที่ผู้รับบริการ 82% เป็นคนไทยให้รายรับเป็น 80% ส่วนอีก 18% เป็นคนต่างชาติซึ่งให้รายรับเป็น 20% ของรายรับทั้งหมด โดยมียอดขายในปี 2553 เท่ากับ 981 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเท่ากับ 154 ล้านบาท สร้างความมั่นคงทางการเงินให้โรงพยาบาล

1.2 สถานการณ์ปัจจุบัน ปัญหาที่องค์กรกำลังเผชิญอยู่ในยุคปัจจุบันคือปัญหาที่เกิดจากส

ภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้า และการที่มีคู่แข่งที่สำคัญคือโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ใน

สังกัดมหาวิทยาลัยของรัฐมีแนวคิดในการเปิดให้บริการในเชิงธุรกิ

จเพื่อแข่งขันกับโรงพยาบาลเอกชน โดยคู่แข่งสำคัญมีความได้เปรียบในด้านต้นทุนซึ่งได้รับการสนับส

นุนจากรัฐบาล มีความได้เปรียบทางด้านราคาขาย เนื่องจากผู้มารับบริการสามารถเบิกจากราชการและรัฐวิสาหกิจได้ และมีความได้เปรียบทางด้านบุคลากร เนื่องจากเป็นสถาบันที่ผลิตบุคลากรทางการแพทย์เอง จึงนับว่าองค์กรกำลังเผชิญความท้าทายที่สำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ

่ง

1.3 ทิศทางของกิจการ ภายใต้ปัญหาที่ท้าทายความสามารถของผู้บริหาร องค์กรยังมุ่งมั่นที่จะเป็นโรงพยาบาลชั้นนำระดับนานาชาติ ด้วยการยกระดับมาตรฐานโรงพยาบาลให้มีคุณภาพระดับโลก โดยการนำมาตรฐานโรงพยาบาลของประเทศสหรัฐอเมริกามาปรับใช้ทั่วทั

้งองค์กร และผ่านการรับรองมาตรฐานจากสถาบัน JCI ซึ่งมีหน้าที่ตรวจประเมินมาตรฐานโรงพยาบาลทั่วโลก ในปี 2553 โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในภาคเหนือที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถ

าบัน JCI

[pic]

1.4 กลยุทธ์ที่เลือก สำหรับกลยุทธ์ที่องค์กรเลือกใช้ในการแข่งขัน องค์กรเลือกกลยุทธ์เติบโต (Growth) โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) ควบคู่ไปกับการพัฒนาและขยายตลาด (Market Development and Expansion) โดยการจัดทำกลยุทธ์ผู้บริหารได้เลือกใช้เครื่องมือ SWOT analysis มาทำการสร้างกลยุทธ์แบบจับคู่ โดยใช้ TOWS Model ร่วมกับแนวคิดเรื่องของ Basic Patient’s Need และ Voice of Customer ที่นำเข้ามามีส่วนในการกำหนดกลยุทธ์

1.5 แผนดำเนินการ หลังจากได้ทำการกำหนดกลยุทธ์ในการแข่งขันมาแล้ว ทางองค์กรได้นำกลยุทธ์ที่ได้มาแยกย่อยเป็นกลยุทธ์ระดับหน้าที่ข

องฝ่ายต่างๆ และดำเนินการจัดทำแผนงานหรือโครงการต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนกลยุทธ์ตามแนวทางที่องค์กรได้

วางไว้ อันจะทำให้องค์กรสามารถใช้ความได้เปรียบในการแข่งขัน เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผ

ล นำไปสู่รายได้และผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอันเป็นเป้าหมายสำคัญที่องค

์กรวางไว้ และนำไปสู่การเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นๆทั้งในปัจจุบันและในอ

นาคต

2. ประวัติและข้อมูลเบื้องต้นของกิจการ

2.1 ประวัติความเป็นมาของกิจการ ชื่อกิจการ บริษัทโรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม จำกัด ที่ตั้ง เลขที่ 8 ถนนบุญเรืองฤทธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อตั้งเมื่อ 9 สิงหาคม 2536

การเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โรงพยาบาลเชียงใหม่รามมีจุดเริ่มต้นจากแนวคิดของคณะแพทย์กลุ่มห

นึ่ง มีความมุ่งหมายเพื่อเติมส่วนขาดของสังคมทางการรักษาพยาบาล การขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น เพราะมีการย้ายถิ่นฐานของแพทย์ที่มีความสามารถไปทำงานในกรุงเทพ

ฯ หรือต่างประเทศ การขาดแคลนโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยในการวินิจฉ

ัยรักษาที่จะให้แพทย์ได้ใช้ ประกอบกับข้อจำกัดของความคล่องตัวในการซื้อเครื่องมือแพทย์ราคา

สูง และระบบการให้ค่าตอบแทนแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ของโรงพยาบาลภาครัฐ ผู้ก่อตั้งคือคณะแพทย์กลุ่มหนึ่งร่วมกับนักธุรกิจในท้องถิ่น จึงตัดสินใจสร้างโรงพยาบาลเอกชนที่มีเครื่องมือแพทย์และเทคโนโล

ยีการรักษาที่ทันสมัย รวมทั้งการจัดระบบค่าตอบแทนแพทย์ตามจำนวนผู้ป่วยที่ให้การรักษา

และตามศักยภาพของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาเช่นเดียวกันกับโรง

พยาบาลชั้นนำในกรุงเทพฯ ทำให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีสถานที่ทำงานในท้องถิ่นสอดคล้องกับควา

มต้องการและได้รับค่าตอบแทนเป็นที่พึงพอใจ ส่งผลให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคงอยู่ในท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้นเป็นผลด

ีต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดของโรงพยาบาล คือเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ทำให้ประชาชนเข้ามารับบริการในจำนวนที่ลดลง ประกอบกับมูลค่าหนี้จากเงินกู้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าอันเป็นผลมาจากการลอยตัวค่าเงินบาท ผู้บริหารในขณะนั้นได้ทำการตัดสินใจครั้งสำคัญ โดยยึดแนวทางคุณภาพ โดยนำระบบรับรองคุณภาพ ISO 9200 ISO 14001 และระบบรับรองคุณภาพมาตรฐานโรงพยาบาล (Hospital Accreditation: HA) โดยเชื่อมั่นว่าขณะวิกฤตเศรษฐกิจเป็นโอกาสของโรงพยาบาลในการพัฒ

นาคุณภาพการรักษาอย่างจริงจัง และมุ่งมั่นให้เกิดระบบคุณภาพอย่างยั่งยืนเพื่อรองรับภาวะเศรษฐ

กิจที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต ตลอดจนการตัดสินใจลงทุนก่อตั้งศูนย์หัวใจเฉพาะทางเพื่อสร้างควา

มแตกต่างให้กับองค์กร และเสริมภาพลักษณ์ของความเป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทางให้เด่นชัดข

ึ้น การตัดสินใจลงทุนด้วยเงินจำนวนมากสวนทางกับภาวะวิกฤติเศรษกิจใน

ครั้งนั้นนับเป็นการตัดสินใจทางกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จส่งผล

ให้มีผู้มารับบริการจำนวนเพิ่มมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน ปัญหาที่องค์กรกำลังเผชิญอยู่ในยุคปัจจุบันคือปัญหาที่เกิดจากส

ภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้า และการที่มีคู่แข่งที่สำคัญคือโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ใน

สังกัดมหาวิทยาลัยของรัฐมีแนวคิดในการเปิดให้บริการในเชิงธุรกิ

จเพื่อแข่งขันกับโรงพยาบาลเอกชน โดยคู่แข่งสำคัญมีความได้เปรียบในด้านต้นทุนซึ่งได้รับการสนับส

นุนจากรัฐบาล มีความได้เปรียบทางด้านราคาขาย เนื่องจากผู้มารับบริการสามารถเบิกจากราชการและรัฐวิสาหกิจได้ และมีความได้เปรียบทางด้านบุคลากร เนื่องจากเป็นสถาบันที่ผลิตบุคลากรทางการแพทย์เอง จึงนับว่าองค์กรกำลังเผชิญความท้าทายที่สำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ

่ง

2.2 ภาพรวมธุรกิจ

ประเภทธุรกิจ โรงพยาบาลเอกชน

รายละเอียด โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม เป็นบริษัทจดทะเบียนร่วมทุนกับโรงพยาบาลรามคำแหงกรุงเทพฯในสัดส

่วนร้อยละ 58:42 เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2536 ใช้เงินลงทุนเริ่มแรก 800 ล้านบาท เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาด 220 เตียง โรงพยาบาลถูกออกแบบให้มีรูปลักษณ์ของความทันสมัย ทั้งตัวอาคารและเครื่องมือแพทย์ เทียบเคียงกันกับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในระดับตติยภูมิ มีบุคลากรประจำทั้งสิ้น 768 คน แพทย์ประจำ 48 คน แพทย์ไม่เต็มเวลา 109 คน แพทย์ที่ปรึกษาประมาณ 200 คน ผู้เข้ารับบริการ 85% เป็นประชากรในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดในภาคเหนือ อีก15%เป็นประชากรจากที่อื่นๆในประเทศไทยรวมทั้งชาวต่างประเทศที่เข้า

มาท่องเที่ยวและพักพิงในจังหวัดเชียงใหม่ โดยที่ผู้รับบริการ 82% เป็นคนไทยให้รายรับเป็น 80% ส่วนอีก 18% เป็นคนต่างชาติซึ่งให้รายรับเป็น 20% ของรายรับทั้งหมด โดยมียอดขายในปี 2553 เท่ากับ 981 ล้านบาท โครงสร้างของโรงพยาบาลเป็นอาคารสูง 2 ส่วน ส่วนบริการผู้ป่วย 12 ชั้น ส่วนที่จอดรถแนวดิ่งและอาคารหอพัก 9 ชั้น มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนดาดฟ้า ระบบการบริการผู้ป่วยประกอบด้วย โถงผู้ป่วยนอกชั้น 1 มีห้องตรวจทั้งหมด 38 ห้องใน 6 สาขาศัลยกรรม อายุรกรรม กุมารเวช จักษุ ตาหูคอจมูก และสูตินรีเวช คลินิกพิเศษชั้น 4 ประกอบด้วยคลินิกพิเศษจำนวน 19 คลินิก อาทิ คลินิกโรคหัวใจ คลินิกโรคเบาหวาน คลินิกทางเดินอาหาร คลินิกตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล เป็นต้น ผู้ป่วยในประกอบด้วยหอผู้ป่วยมารดาและทารก หอผู้ป่วยผู้ใหญ่ทุกสาขา และหอผู้ป่วยต่างประเทศ จำนวนรวมทั้งสิ้น 220 ห้อง ในนี้เป็น VIP Suit จำนวน 6 ห้อง ผู้ป่วยในจะรวมถึง Private ICU/CCU อีกจำนวน 19 ห้อง N-ICU จำนวน 2 ห้อง มีห้องผ่าตัดจำนวน 7 ห้อง ห้องล้างไต ห้องสวนหลอดเลือดหัวใจ (Cardiac Catheterization Laboratories) เครื่องมือเครื่องใช้ในการวินิจฉัยรักษา อาทิเช่น เครื่อง MRI 1.5 Teslar, เครื่อง CT 64 Slices,เครื่อง Ultrasound 4 มิติ ,เครื่องMammogram และเครื่อง Bone Densitometer เป็นต้น

ธุรกิจนี้ประกอบด้วยสินค้าและ/หรือบริการหลักๆ ดังนี้ โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม มีขีดความสามารถในการรักษาในระดับตติยภูมิ ให้บริการรักษาแก่ผู้ป่วย 3 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มผู้ป่วยโรคซับซ้อนรุนแรงหรือโรคที่มีเสี่ยงสูงต่อชีวิต ได้แก่ โรคหัวใจ โรคทางเดินอาหาร โรคระบบประสาทและสมอง โรคมะเร็ง 2. กลุ่มผู้ป่วยในกลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน โรคภูมิแพ้ 3. กลุ่มผู้ป่วยโรคทั่วไป บริการหลักๆของโรงพยาบาลได้แก่ ศูนย์บอลลูนหลอดเลือดหัวใจ รวมทั้งคลินิคพิเศษต่างๆ อาทิเช่น คลินิกโรคระบบทางเดินอาหาร คลินิกโรคระบบประสาทและสมอง คลินิคโรคมะเร็ง คลินิกเบาหวานและต่อมไร้ท่อ คลินิกโรคภูมิแพ้ คลินิกโรคกระดูกและข้อ คลินิกดูแลผู้ป่วยทารกแรกเกิดที่มีอาการหนัก(Neonatal Intensive Care Nursery) และคลินิกนอนกรนหรือความผิดปกติด้านการนอน เป็นต้น

รูปแบบของกระบวนการผลิต ให้บริการทางการแพทย์ครบวงจร ทั้งส่งเสริม รักษา และฟื้นฟู มีความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านโรคหัวใจ โรคทางเดินอาหาร โรคระบบประสาท และโรคมะเร็ง

จำนวนบุคลากร 768 คน ลักษณะโดยรวมของบุคลากร มีดังนี้

| |วิชาชีพทางการพยาบาล |วิชาชีพทางการแพทย์ |วิชาชีพทั่วไป |แพทย์ |
| | | | |(พนักงานจ้างตามสัญญา) |
|เพศ |ชาย |
|ลำดับการแข่งขันในระดับจังหวัด และภูมิภาค |จากข้อมูลMarket share, sale volume จากข้อมูลการวิเคราะห์ของบริษัทประกันพบว่าเป็นอันดับ 1 และมี |
| |Market share ประมาณ 46% ของจังหวัดเชียงใหม่และ 15 % ของจังหวัดในภาคเหนือ |
|ขนาดของโรงพยาบาล |เป็นโรงพยาบาลเอกชนใหญ่เป็นที่ 2 ในภาคเหนือโดยเทียบจากจำนวนเตียงที่ให้บริการ |
| |เป็นรองเฉพาะโรงพยาบาลในสังกัดสภาคริสตจักรในประเทศไทยซึ่งตั้ง

อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่เช่นกัน |
|อัตราการเจริญเติบโต (Growth rate) |มีการเจริญเติบโตอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลชั้นนำใน

กทม. หรือ โรงพยาบาลที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์|
|เทียบเคียงจากผลกำไรขั้นต้น |และเทียบกับโรงพยาบาลที่มีการยอมรับสูงทั้งในและต่างประเทศ |

นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ เครื่องตรวจวินิจฉัย CT 64 Slides, เครื่องสวนหัวใจ

การรวมตัวกันในอุตสาหกรรม กลุ่มสมาชิกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเป็นที่ปรึกษา ประชุมกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันของสมาชิก ตลอดจนการช่วยเหลือกันระหว่างสมาชิก

3.2 การวิเคราะห์โอกาสและข้อจำกัดจากสภาวะแวดล้อมโดยทั่วไป

|สภาวะแวดล้อมโดยทั่วไป (PEST) |การคาดการณ์ที่จะเกิดขึ้น ในอนาคต |โอกาสมาก อุปสรรคมาก |
| | | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
| |Political, |รัฐบาลกำลังขาดแค| | |
| |Legislation |ลนเงินงบประมาณจึ| | |
| |and Regulation|งมีแนวโน้มที่จะจัดเ| | |
| |ภาษี |ก็บเก็บภาษีประเภท| | |
| | |ต่างๆจากประชาชน| | |
| | |เพิ่มขึ้น | | |
| | |อย่างไรก็ตามคิดว่า| | |
| | |ผลกระทบที่มีต่อโรง| | |
| | |พยาบาลอาจไม่มาก| | |
| | |นัก | | |
|Political |0.2 |2 |0.4 |การเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ ทำให้เกิดผลลบทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน |
| | | | |เกิดผลกระทบต่อเนื่องต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศ |
|Economic |0.4 |2 |0.8 |เศรษฐกิจที่ตกต่ำมีผลทำให้ผู้ป่วยไปใช้บริการจากโรงพยาบาลของรั

ฐมากกว่าโรงพย|
| | | | |าบาลเอกชน |
|Socio-cultural |0.1 |5 |0.5 |วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปทำให้คนหันมาใช้จ่ายเพื่อการดูแลสุขภาพมา

กขึ้น |
|Technology |0.2 |5 |1.0 |เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นทำให้เกิดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพในกา

รดูแลผู้ป่วยได้ดี|
| | | | |ขึ้น การลงทุนที่ค่อนข้างสูง |
| | | | |คู่แข่งอาจตามไม่ทันเนื่องจากความล่าช้าของระบบราชการ |
|Population |0.1 |5 |0.5 |การที่มีผู้สูงอายุมากขึ้นทำให้มีผู้มารับบริการที่โรงพยาบาลมา

กขึ้น |
|demographic | | | | |

รวมคะแนนการประเมินปัจจัยภายนอก = 3.2

คะแนนรวมการประเมินปัจจัยภายนอก เท่ากับ 3.2 และพบว่าปัจจัยภายนอก ด้านเทคโนโลยีสร้างโอกาสให้กับโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม มากที่สุด เนื่องจากวัตถุประสงค์ของโรงพยาบาล คือการแสวงหาเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาช่วยในการวินิจฉัย และการรักษาพยาบาล เพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่รวดเร็ว และรักษาได้ถูกต้องทันท่วงที ตลอดจนลดความผิดพลาดในการรักษา ส่วนปัจจัยด้าน Socio-culture และ Population demography สร้างโอกาสเป็นลำดับรองลงมา ด้วยกระแสของการห่วงใยใสใจในสุขภาพ ทั้งจากการให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ ที่ทำให้เกิดกระแสการดูแลสุขภาพเพื่อชีวิตที่ยืนยาว มีสุขภาพกายและใจที่ดี ปัจจัยภายนอกด้าน Political ส่งผลให้เกิด อุปสรรคสำหรับโรงพยาบาล เนื่องจากสภาพความไม่มั่นคงทางการเมือง ส่งผลต่อการลงทุน การจ้างงาน ตลอดจนเศรษฐกิจโดยภาพรวม ทำให้มีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง หรือหาทางเลือกใช้จ่ายทางด้านการดูแลสุขภาพที่ถูกลง และหันมาใช้สิทธิประกันสุขภาพในรูปแบบต่าง ๆ จากภาครัฐแทน ปัจจัยด้าน Economic แม้ว่าจะมีอุปสรรค จากการที่ประชาชนไปสิทธิประกันสุขภาพจากภาครัฐ แต่ในขณะเดียวกันพบว่าผู้มารับบริการของโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ใช้สิทธิการเบิกประกันสุขภาพจากเอกชนเป็นส่วนใหญ่ จึงมีผู้รับภาระค่าใช้จ่ายแทนทั้งหมด หรือบางส่วน ทำให้อุปสรรคนั้นเป็นโอกาสสำหรับโรงพยาบาลเชียงใหม่อยู่บ้าง ดังนั้นจากปัจจัยภายนอกพบว่า ภาพรวมยังสร้างโอกาสให้กับโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม

3.4 การวิเคราะห์สภาวะการแข่งขันของกิจการ คู่แข่งขันหลัก ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (160 เตียง) คู่แข่งขันรอง 1. โรงพยาบาลแมคคอร์มิค (400 เตียง) 2. โรงพยาบาลลานนา (180 เตียง) 3. โรงพยาบาลราชเวช (100 เตียง)

|หัวข้อพิจารณา |โรงพยาบาล |
| |เชียงใหม่ราม |ศรีพัฒน์ |แมคคอร์มิค |ลานนา |ราชเวช |
|ทรัพย์สิน (ล้านบาท) |1,662 |N/A |2,000 |1,116 |500 |
|จำนวนพนักงาน |768 |500 |820 |520 |270 |
|ข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน | |
| 4.1 Brand Value |5 |5 |4 |4 |3 |
| 4.2 ต้นทุน |2 |5 (งบจากรัฐบาล) |4 |2 |1 |
| 4.3 ทำเลที่ตั้ง |5 |4 |4 |4 |2 |
| 4.4 ความเชี่ยวชาญของแพทย์ |5 |5 |2 |4 |2 |
| 4.5 เครือข่ายโรงพยาบาล |5 |2 |2 |5 |2 |
| 4.6 เทคโนโลยี |5 |5 |3 |4 |2 |
| 4.7 การบริการ |5 |2 |2 |3 |3 |
| 4.8 ราคาขาย |1 |5 (เบิกราชการได้) |3 |2 |2 |
| 4.9 การประชาสัมพันธ์และการตลาด |5 |4 |2 |4 |3 |
| 4.10 การรับรองมาตรฐาน |5 |4 |2 |3 |2 |
| รวมข้อ 4.1 ถึง 4.10 |43 |41 |
|การเพิ่มขึ้นของการแข่งขันระหว่างธุรกิจที่รุนแร| |คู่แข่งขันหลักรุกหนัก มีความพยายามเพิ่มส่วนแบ่งตลาด |
|ง | |โดยการจัดตั้งเป็น specialist center เช่นเดียวกับเรา |
| | |แต่สามารถตั้งราคาที่ต่ำกว่าและใช้สิทธิเบิกจากราชการได้ |
|การคุกคามจากคู่แข่งขันที่เข้ามาใหม่ในตลาด |คู่แข่งขันหน้าใหม่เข้ามายากเพราะ | |
| |ต้องใช้เงินลงทุนสูง | |
| |บุคลากรทางการแพทย์ | |
| |มีจำนวนจำกัด | |
|การคุกคามของผลิตภัณฑ์ทดแทนกันได้ |การทดแทนในการรักษาผู้ป่วยที่ซับซ้อนเป็นไปได้ยาก | |
| |ต้องใช้เงินลงทุนในเทคโนโลยีและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ | |
| |ค่อนข้างสูง | |
| |ส่วนคลินิกทดแทนได้เพียงส่วนน้อย | |
|อำนาจการต่อรองของผู้ขาย |โรงพยาบาลเชียงใหม่ รามมีอำนาจต่อรองมากกว่า | |
|ปัจจัยการผลิต |Supplier | |
| |เพราะมีการจัดซื้อยาร่วมกับโรงพยาบาลอื่นที่เป็นเครือข่ายเดีย| |
| |วกัน | |
|อำนาจการต่อรองของผู้ซื้อ |ผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองต่ำ | |
| |เนื่องจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิมีให้เลือกน้อย | |

จากการวิเคราะห์สภาพการแข่งขันพบว่า แรงกดดันในธุรกิจมีการแข่งขันสูง การคุกคามจากผู้แข่งขันที่เข้ามาใหม่ต่ำ การเข้ามาใหม่ของผลิตภัณฑ์ทดแทนการเข้ามาใหม่ต่ำ อำนาจต่อรองของผู้ขายปัจจัยการผลิตต่ำ อำนาจการต่อรองของผู้ซื้อต่ำ ดังนั้นโรงพยาบาลเชียงใหม่รามยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันใน

อุตสาหกรรมนี้

3.7 การประเมินผลกระทบของ Driving Forces

|Driving Forces |บวก |ลบ |
|การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่รวดเร็วทำให้เกิดต้นทุนสูงย|เพิ่มคุณค่าในกระบวนการรักษาทางด้านคลินิกโดยการค้นหาสาเ|- |
|ากต่อการตั้งราคาในระดับภูมิภาค |หตุของโรคอย่างรวดเร็วและสื่อสารให้กับผู้ป่วยและญาติอย่างมี| |
| |ประสิทธิภาพ | |
|การเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐในด้าน |พัฒนาในเรื่องความสะดวกและรวดเร็วในกระบวนการรักษา |- |
|สาธารณสุขที่มุ่งเน้นนโยบายสุขภาพถ้วนหน้าทำให้ประชาช|รวมทั้งการสร้างสัมพันธภาพกับผู้รับบริการในเชิงรุก | |
|นไทยทุกคนมีสิทธิเข้าถึงการบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย | | |
|มีโรงพยาบาลคู่แข่งที่มีอำนาจทางการเงินสูงและมีการบริ|เป็นโอกาสในการพัฒนาราคาขายให้สะท้อนกับภาพความเป็นจริ|- |
|หารแบบเครือเข้ามาเปิดดำเนินการในจังหวัดเชียงใหม่ |งในการลงทุนโรงพยาบาลระดับประเทศในต่างจังหวัด | |

Driving Forces ที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้แก่ การลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้ก่อนคู่แข่ง และสร้างคุณค่าในการบริการรักษา

3.8 Strategy Group Map
(หมายเหตุ: แกนตั้งคือ ชื่อเสียง แกนนอน คือ เทคโนโลยีการรักษา)

ผลการวิจัยของบริษัทวิจัยเอกชนดังกล่าวพบว่า ภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม ในใจของลูกค้าคือ การเป็นโรงพยาบาลที่มีความทันสมัย มีชื่อเสียง มีศักยภาพด้านเทคโนโลยีการรักษาที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลคู่แข่ง

3.9 การวิเคราะห์ผู้บริโภค

|ปัจจัย |ผลต่อการตัดสินใจซื้อ |
|คุณภาพ |ผู้ป่วยชอบการบริการที่มีคุณภาพสูง |
|แบรนด์ |เนื่องจากประชาชนทั่วไปมีการรับรู้ว่าโรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม เป็นโรงพยาบาลเกรด premium |
| |ดังนั้นผู้ป่วยที่มาใช้บริการจึงมีความเชื่อมั่นว่าได้รับการดู

แลรักษาอย่างดีที่สุด |
| |โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ท

ันสมัย |
| |เมื่อกลับบ้านแล้วผู้ป่วยจะมีความรู้สึกภูมิใจที่ได้มารับบริกา

ร และบอกต่อผู้อื่น |
|การออกแบบ |ผู้ป่วยชอบการออกแบบสถานที่ที่ทันสมัยและดูดี ทั้งในส่วนที่ให้บริการผู้ป่วยนอก และในส่วนของห้องพักผู้ป่วยใน |
|บรรจุภัณฑ์ |ผู้ป่วยที่มารับบริการชอบอุปกรณ์การแพทย์ที่ดูใหม่และทันสมัย ชอบยาที่สั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศในบรรจุภัณฑ์ที่ดูดีและน่าเช

ื่อถือ |